ตอนผมเด็กๆ เวลาพูดถึงนักการธนาคาร ภาพที่ผมจินตนาการเห็นมักจะเป็นพนักงานสาขา ที่คอยบริการฝากเงิน ถอนเงิน เรามักจะเห็นภาพการนับธนบัตรอย่างรวดเร็ว การบริการลูกค้าที่เราประทับใจ รวมไปถึงการสอนการออมเงิน ด้วยการแจกกระปุกออมสินให้กับเด็กๆ
แต่จริงๆ แล้ว ธนาคารเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำหน้าที่ระดมเงินฝากภาคประชาชน ปล่อยเงินกู้เพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจให้เติบโต และช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต
โดยปัจจุบัน ตำแหน่งงานในธนาคารประกอบไปด้วยลักษณะงานที่หลากหลายมากมายกว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้ ตั้งแต่ งานดูแลลูกค้า งานสาขา งานบัญชี งานการเงิน งานการตลาด งานบริหารจัดการความเสี่ยง งานทรัพยากรบุคคล ตลอดจน งานกฎหมาย งานเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
ในบทความนี้ จะขอเจาะไปที่งาน ของ “นักการเงิน” ในธนาคารนะครับ
ลักษณะงานของนักการธนาคาร ตามโครงสร้างองค์กรหลักๆ ของธนาคารหลายๆ แห่ง ในประเทศไทย สามารถสรุปได้ดังนี้
- กลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ (Commercial Banking)
- กลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail Banking)
- กลุ่มธุรกิจตลาดทุน (Global Markets)
- กลุ่มงานผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (Product Management)
- กลุ่มงานการเงิน (Finance)
- กลุ่มงานบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
1. กลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ (Commercial Banking)
กลุ่มธุรกิจลูกค้าธุรกิจ หน้าที่หลักๆ คือ นำเสนอบริการทางการเงินแบบครบวงจรให้กับลูกค้าธุรกิจ ซึ่งหมายถึง บริษัท ห้างร้านต่างๆ โดยจะแบ่งเป็น ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporate Banking), ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Banking) และ ลูกค้าสถาบันการเงิน (Financial Institution)
คำว่า บริการทางการเงินแบบครบวงจร นี่เริ่มตั้งแต่ การปล่อยสินเชื่อ การระดมเงินฝาก บริการเงินโอน เงินกู้ต่างประเทศ หนังสือค้ำประกัน เรื่อยไปจนถึง การเป็นที่ปรึกษาในการออกหุ้นกู้ หรือการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์
โดยลักษณะงานหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักการเงิน มีดังนี้
- ผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Relationship Manager)
- นักวิเคราะห์สินเชื่อ (Credit Analyst)
- ผู้พิจารณาสินเชื่อ (Credit Underwriter)
- ฝ่ายบริการลูกค้าธุรกิจ (Client Service)
- ฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์ (Planning)
- ฝ่ายบริหารการขาย (Sales Management)
2. กลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อย (Retail Banking)
สำหรับกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อย หน้าที่หลัก ก็คือ การนำเสนอบริการทางการเงินแบบครบวงจร เช่นกัน ไล่ตั้งแต่ เงินกู้บ้าน เงินกู้ส่วนบุคคล เงินฝาก บัตรเครดิต ประกันชีวิต การวางแผนการลงทุน เรื่อยไปจนถึง การทำ Mobile Banking และ การบริหารประสบการณ์ลูกค้า
โดยกลุ่มงานนี้ก็จะมีการแบ่งกลุ่มย่อยอีก เช่น กลุ่มลูกค้า Mass, กลุ่มลูกค้า Middle Income, กลุ่มลูกค้า High Net Worth ไปจนถึงกลุ่มลูกค้า Private Banking
โดยลักษณะงานหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักการเงิน มีดังนี้
- พนักงานสาขา (Teller, Branch Manager)
- ฝ่ายวิเคราะห์ช่องทางและการจัดจำหน่าย (Channel & Distribution Specialist)
- ผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อย (Retail Product Management)
- นักวางแผน/ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Planner, Financial Advisor)
- นักการธนาคารสำหรับลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง (Private Banker)
- ฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์ (Planning)
- ฝ่ายบริหารการขาย (Sales Management)
3. กลุ่มธุรกิจตลาดทุน (Global Markets)
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจตลาดทุน จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน อาทิเช่น การแลกเปลี่ยนเงินตรา (Foreign Exchange), การบริหารความเสี่ยงในด้านดอกเบี้ย (Interest Rate Risk), การบริหารความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Cross Currency Risk)
ซึ่งก็จะแบ่งกลุ่มงานตามลักษณะลูกค้าที่ดูแล เช่น ลูกค้าสถาบัน (Financial Institution), ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ (Corporates), ลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และ ลูกค้ารายย่อย (Retail)
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่เทรด ตราสาร กับสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อทำการรักษา Position ตามนโยบายขององค์กร
และอีกหน้าที่หนึ่งคือการบริหารจัดการทรัพย์สิน และ หนี้สิน (Asset and Liability Management) ให้มีสัดส่วนอยู่ในกรอบที่ธนาคารกำหนด
ในกลุ่มธุรกิจตลาดทุนนี้ มักจะมีชื่อเรียกกันในวงการว่า “ห้องค้า” โดยภายในห้องค้า ก็จะแบ่งเป็นโต๊ะๆ ดังนี้
- โต๊ะ MM (Money Market)
- โต๊ะ Sales (Dealer)
- โต๊ะ FI (Dealer)
- โต๊ะ Trade (Trader)
- ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ (Derivative)
4. กลุ่มงานผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (Product Management)
ทำหน้าที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการในแต่ละประเภทลูกค้า ทั้งนี้ยังรวมถึงการกำกับดูแล กระบวนการ (Process) ของผลิตภัณฑ์นั้น ตั้งแต่ ประโยขน์ของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าได้รับ ฟังก์ชันการใช้งาน เรื่อยไปจนถึงงานหลังบ้าน ที่ต้องมีระบบ IT ในการจัดการ การควบคุมให้เป็นในตามกฎหมาย และกฎที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
โดยลักษณะงานแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน(Transactional Banking Product), ผลิตภัณฑ์เงินกู้ (Credit Product) ,ผลิตภัณฑ์เงินฝาก (Deposit Product)
งานที่เกี่ยวข้องกับ นักการเงิน แบ่งได้ ดังนี้
- ฝ่ายผลิตภัณฑ์บริหารจัดการเงินสด (Cash management Product)
- ฝ่ายผลิตภัณฑ์และสินเชื่อเพื่อธุรกิจการค้า (Trade Product)
- ฝ่ายผลิตภัณฑ์สินเชื่อ (Credit Product)
- ฝ่ายผลิตภัณฑ์เงินฝาก (Deposit Product)
- ฝ่ายบริการธุรกิจหลักทรัพย์ (Securities Service)
5. กลุ่มงานการเงิน (Finance)
ในส่วนของกลุ่มงานการเงิน ถือเป็นกลุ่มงานสำคัญที่ทุกองค์กรต้องมี เปรียบเสมือนเป็นกระเป๋าเงินขององค์กร หน้าที่หลักคือ การวิเคราะห์และวางแผนทางการเงินให้กับองค์กร รวมถึงการจัดการบัญชีขององค์กร
โดยลักษณะงานหลักๆ คือ ฝ่ายวิเคราะห์และวางแผนทางการเงิน (Financial Planning & Analysis, FP&A) ทำหน้าที่วิเคราะห์ วางแผน และกำกับดูแลสายงานธุรกิจให้มีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งลักษณะงานก็แตกต่างกันในรายละเอียดตามสายงานที่ดูแล และ อีกหน่วยงานหนึ่งที่สำคัญก็คือ ฝ่ายบัญชีการเงินและควบคุม (Accounting and Control) ที่ช่วยจัดการรายรับ รายจ่าย และจัดทำบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
6. กลุ่มงานบริหารความเสี่ยง (Risk Management)
ตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงิน Hamburger Crisis ในปี 2000 เป็นต้นมา ถือเป็นช่วงที่ทำให้หน่วยงานบริหารความเสี่ยงเติบโตขึ้น และมีความต้องการบุคลากรทางเงินและบริหารความเสี่ยงเป็นอย่างมาก ทั้งนี้หน่วยงานบริหารความเสี่ยงนี้ จะมีหน้าที่กำกับดูแล (Policy), เฝ้าระวัง (Monitor) และบริหารจัดการความเสี่ยงในภาพรวมขององค์กร และรวมไปถึงบริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละสายงานซึ่งมีลักษณะการทำธุรกิจที่แตกต่างกัน
ลักษณะงานหลักๆ สามารถแบ่งได้ ดังนี้
- ความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk)
- ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk)
- ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk)
- ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ (Operational Risk)
- การบริหารจัดการการดำรงเงินกองทุน (Capital Management)
- การบริหารจัดการความเสี่ยงแบบบูรณาการ (Integrated Risk Management)
เพื่อนๆ ทำงานกันอยู่สายไหน หรือ อยากจะไปทำสายไหนในวงการธนาคาร แชร์ความเห็นด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ด้วยรักและห่วงใย