5 เส้นทาง สายนักการเงินมืออาชีพ (Careers in Finance)

0
6911

1. สายการธนาคาร (Banking)

เป็นสายที่นักการเงินคุ้นเคยมากที่สุด และเป็นสายงานที่เก่าแก่ที่สุด ในอดีตสายนี้จะเน้นหน้าที่หลัก คือ ปล่อยสินเชื่อ ซึ่งประกอบด้วยการวิเคราะห์เครดิต การวิเคราะห์ธุรกิจและโครงการ การวิเคราะห์อุตสาหกรรม การจัดวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้า รวมไปถึงการระดมเงินฝาก ทั้งเงินฝากจากลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อย

นอกจากการปล่อยสินเชื่อแล้ว อีกหน้าที่หนึ่งที่ต้องอาศัยผู้มีความรู้ทางด้านการเงินคือ สายบริหารเงิน (Treasury) ทำหน้าที่บริหารจัดการเงินให้สมดุล ระหว่าง เงินกู้ และ เงินฝาก ทั้งสกุลเงินบาทและสกุลต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการเป็นดีลเลอร์ และเทรดเดอร์ด้วย

ในยุคปัจจุบัน ในประเทศไทยผู้คนเริ่มมีความสนใจในการสะสมความมั่งคั่ง (wealth) มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อีกหน้าที่หนึ่งของนักการเงินในสายการธนาคารก็คือ การบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล (Wealth Management) ซึ่งรวมไปถึงการวางแผนการเงินส่วนบุคคล (Financial Planning) ด้วยเช่นกัน

2. สายหลักทรัพย์ (Securities)

เป็นสายที่นักการเงินต้องวิเคราะห์ วางแผน และ แนะนำการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ นำสนอให้กับลูกค้า ซึ่งจะถือว่าสายหลักทรัพย์ เป็น “ฝั่งขาย” (Sell side)  โดยสามารถแบ่งลักษณะงานได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ (1) ผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant), (2) ผู้วางแผนการลงทุน (Investment Planner) และ (3) นักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analyst)

ผู้แนะนำการลงทุน (IC) คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ติดต่อ ชักชวน ให้คำแนะนำการลงทุนให้ผู้ลงทุน เพื่อการซื้อขายหรือลงทุนในผลิตภัณฑ์การลงทุน ประเภทต่างๆ ในตลาดทุน

ผู้วางแผนการลงทุน (IP) คือ ผู้ที่ให้คำแนะนำการลงทุนแก่นักลงทุน สามารถวางแผนประกอบการให้คำแนะนำการลงทุนแก่นักลงทุนที่เฉพาะเจาะจง และเหมาะกับข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์นักลงทุน

นักวิเคราะห์การลงทุน เปรียบเสมือนผู้คัดกรองและประมวลข้อมูลข่าวสารที่สำคัญด้านการลงทุน เพื่อให้คำแนะนำ และกำหนดกลยุทธ์ การลงทุนให้กับนักลงทุน

3. สายจัดการลงทุน (Fund Management)

งานของนักการเงินในสายจัดการลงทุนนี้ จะเป็นงานวิเคราะห์อุตสาหกรรมและวิเคราะห์หลักทรัพย์ กำหนดนโยบายการลงทุน และจัดสรรการลงทุนให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด ซึ่งจะถือว่าสายจัดการลงทุนนี้ เป็น “ฝั่งซื้อ” (Buy side) โดยลักษณะงานจะแบ่งเป็น นักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analyst) และ ผู้จัดการกองทุน (Fund Manager) นอกจากนี้ยังรวมไปถึง กลุ่มงานที่บริการจัดการความเสี่ยงจากการลงทุนอีกด้วย (Risk Management)

นักวิเคราะห์การลงทุน เปรียบเสมือนผู้คัดกรองและประมวลข้อมูลข่าวสารที่สำคัญด้านการลงทุน เพื่อให้คำแนะนำ และกำหนดกลยุทธ์ การลงทุนให้กับนักลงทุน

ผู้จัดการกองทุนก็คือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลการลงทุนของเงินที่ลูกค้าที่ได้มีการระดมทุนกันมา โดยผู้จัดการกองทุนจะดูว่าจะแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ เพื่อไปลงทุนในหุ้น ในตราสารหนี้ หรือจะเป็นการลงทุนในกองทุนรวมด้วยกันก็ได้ เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนตามที่ลูกค้าคาดหวัง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเป็นผลตอบแทนที่สูงพอสมควร

4. สายวาณิชธนกิจ (Investment Banking)

หน้าที่ของวาณิชธนากร (Investment Banker) นี่กว้างมากเช่นกัน ทำได้ตั้งแต่ให้คำแนะนำแก่ลูกค้าในการจัดโครงสร้างทางการเงิน หรือทำหน้าที่ด้าน Corporate Finance เนื่องจากบริษัทบางแห่งจะมีขนาดใหญ่โต มีความต้องการทางการเงินหลากหลาย ผู้ทำหน้าที่ดูแลการเงินของบริษัทในสายงานที่กล่าวถึงเบื้องต้น อาจไม่สามารถดูแล ตัดสินใจได้ ต้องอาศัยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

วาณิชธนากรยังให้คำปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และนำหุ้นออกเสนอขายให้กับประชาชน (IPO )โดยจะช่วยทำเอกสาร ช่วยประเมินมูลค่าหุ้น ช่วยนำเสนอต่อผู้ลงทุน และอาจจะช่วยดูแลหุ้นหลังจากเข้าไปทำการซื้อขายในตลาดแล้วสักระยะหนึ่ง และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการและการควบรวมกิจการอีกด้วย

5. การเงินของบริษัท (Corporate Finance)

คือผู้ที่ทำหน้าที่กระเป๋าเงินให้กับองค์กรธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่แสวงหาผลกำไร หรือไม่แสวงหาผลกำไร หน้าที่ก็มีตั้งแต่จัดหาเงินมาใช้ในการดำเนินกิจการ ซึ่งมีทางเลือกหลักๆ คือ ใช้ส่วนของทุน (Equity) ใช้เงินกู้ยืม (Debt) หรือใช้เครดิตทางการค้า (Supplier’s Credit) ส่วนที่ใช้ตราสารใหม่ๆ ก็จะแทรกอยู่ในหมวดหลักๆ เหล่านี้ทั้งนั้น เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ ก็เป็นตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ก็เป็นอนุพันธ์ของตราสารทุน เป็นต้น

นอกจากการจัดหาเงินแล้วก็ต้องดูแลการใช้เงินและจ่ายเงิน เช่น การซื้อวัตถุดิบ การควบคุมจำนวนสินค้าระหว่างผลิต การควบคุมลูกหนี้การค้าในกรณีที่มีการให้เทอมเครดิตกับผู้ซื้อ และการจัดเก็บหนี้ให้มีประสิทธิภาพ

ผู้ทำหน้าที่ดูแลการเงินของบริษัท เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารทางการเงิน (Chief Financial Officer) ซึ่งมักจะเป็นตำแหน่งที่เป็นหมายเลขสองขององค์กร เพราะเป็นผู้กุมกระเป๋าเงิน

Reference: